สาระน่ารู้

เทคนิคการถ่ายรูปและกล้องถ่ายรูปที่ใช้กันมาก 5 เทคนิคการถ่ายภาพสินค้าให้ขายได้

        การที่เราเลือกฉากหลังหรือวิธีต่างๆ ในการถ่ายรูปสินค้านั้น เราจะต้องรู้ว่าสินค้านั้นใช้ทำอะไรก่อน เพื่อพื้นหลังหรืออุปกรณ์ตกแต่ง รวมไปถึงการใช้กล้อง เลนส์ และแฟลชอีก ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเราถ่ายรูปเครื่องประดับ เช่น นาฬิกา ที่มีแบรนด์หน่อย หรือสร้อยที่มีราคาสูง สังเกตโดยพื้นฐานของการถ่ายรูปสินค้าที่เป็นประเภทเครื่องประดับ จะใช้พื้นหลังสีขาว ประการแรกสินค้าชิ้นนั้นจะดูเด่นโดยทันทีต่อให้เราจะถ่ายไม่สวยเท่าไหร่ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพร็อพ หรือฉากพื้นหลังเพียงอย่างเดียว บางสินค้าก็ต้องใช้หลักการถ่ายภาพหลายๆด้านเช่น ในเรื่องของ แสง เงา ความคมชัด เบลอ พื้นหลัง หรือไปถึงขั้นตอนการจัดวางสินค้าไว้กินพร็อพต่างๆ เพื่อเพิ่มความสวยงาม ยกตัวอย่างกันอีกเรื่องง่ายๆ ก็คือ การถ่ายรูปสินค้าอิงกับสถานที่ เช่น สมมุติว่าเราถ่ายภาพสินค้า น้ำแร่ยี่ห้อหนึ่ง เราก็จะใช้ลายของน้ำ เอาขวดวางบนน้ำ มีน้ำฉีดหน่อยหรืออาจจะ ใช้ภาพวอลล์เปเปอร์น้ำตก มาเป็นพื้นหลังถ่ายกับขวดน้ำเพื่อสื่อว่าน้ำแร่ขวดนี้ผลิตจากธรรมชาติ เพิ่มความอินของสินค้าเข้าไปอีก

1.การจัดไฟให้มีความสวยงาม

ใช้แสงไฟแบบสตูดิโอในการก็เป็นวิธีที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะถ้าเรามีไฟเราสามารถจะเปิดเมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปพึ่งแสงแดดเลย และการถ่ายภาพกับไฟที่ดีทำให้รูปภาพที่ได้นั้นมีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย ส่วนประเภทสินค้าที่ใช้ถ่ายคู่กับไฟแบบสตูดิโออาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับของใช้ผู้หญิง ครีม โลชั่น หรืออาจจะเป็นเครื่องประดับ สร้อย แหวน กำไร เป็นต้น

2.การใช้พร็อพเสริมหรือการตกแต่งเพิ่มเติม 

การเลือกเอาอุปกรณ์ตกแต่งให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้นดูสวยงามมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการถ่าย กาแฟเป็นแก้ว อาจจะมีแจกันดอกไม้ วางข้างแก้วกาแฟ ก็เพิ่มความสวยงามได้อีกเช่นกัน โดยการตัดสินใจที่จะเลือกพร็อพเอามาวางตกแต่งคู่กับสินค้าที่เราถ่ายนั้น จะต้องไปในทิศทางเดียวกัน และจำเป็นที่จะต้องมีการคุมโทนสีให้เข้ากับสินค้าอีกด้วย และโทนสีของพื้นหลังก็ต้องไปทางเดียวกัน เพราะถ้าเราเลือกสีผิด หรือวางพร็อพไม่เหมาะสม อาจจะทำให้สินค้าดูดับไปเลย หรือการคุมโทนสีก็เป็นข้อดีที่อาจจะทำให้สินค้าของเราดูเด่น และชัดเจนขึ้น ทำให้สินค้าของเราดูน่าสนใจ

3.การวางแผนของขนาดรูปภาพสินค้าให้เหมาะสม

วิธีนี้คือวิธีที่สำคัญมาก เพราะการขายสินค้าออนไลน์ของเรา เราจะต้องวางแผนเสียก่อนว่าภาพที่เราอัปโหลดลงในแอปพลิเคชัน หรือในโซเชียลมีเดียต่างๆ นั้นควรที่จะมีขนาดเท่าไหร่ เพราะแต่ละแพลตฟอร์มนั้น เวลาที่เราอัปโหลดรูป จะมีขนาดแตกต่างกัน การที่เราจะต้องวางแผนในการลงรูปขายสินค้าของเรามันมีผลต่อสินค้าและยอดขายของเรา ถ้าเราไม่ได้สนใจเรื่องขนาดหรือความละเอียดของภาพสินค้า แล้วเราอัปโหลดลงไป แล้วภาพสินค้าไม่ชัดเจน ทำให้ลูกค้าอาจจะปัดจอหนี ไม่สนใจสินค้าของเราก็เป็นได้

4.เลือกสถานที่ในกรณีที่เราต้องถ่ายสินค้ากลางแจ้งหรือไม่ใช่สตูดิโอ

การถ่ายรูปสินค้ากลางแจ้ง หรือนอกสถานที่ หรืออีกแบบหนึ่งคือการที่เรานั้นถ่ายรูปโดยใช้แสงแดดเป็นแสง ฉะนั้นแล้วอันดับแรกที่เราต้องคำนึงเลยก็คือเรื่องเวลา ควรเลือกช่วงเวลาที่แสงแดดกำลังนวลๆ แดดต้องไม่จ้าเกินไป เพราะไม่งั้นเราอาจจะเจอกับปัญหาการถ่ายรูปแล้วต้องเปลี่ยนมุมเพราะอาจจะย้อนแสงได้ เวลาที่เหมาะสมก็เป็นช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.  ยาวไปจนถึง 17.00 น. ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ก็อาจจะต้อง ไม่ให้เกินประมาณ 16.00 น. เพราะช่วงหน้าหนาวนั้น พระอาทิตย์จะตกเร็วกว่าปกติ

5.การเน้นพื้นหลังที่เหมาะสมทำให้ภาพนั้นดูน่าสนใจมากขึ้น

การที่เราจะเลือกพื้นหลังที่ดีและเหมาะสำหรับสินค้าของเรา จะต้องคำนึงถึงประเภทสินค้าหรือสีของสินค้า เพราะสินค้าบางตัว เราอาจจะต้องใช้พื้นหลังที่มีโทนสีอ่อน แต่สินค้าบางชิ้นก็อาจจะต้องใช้พื้นหลังสีสันฉูดฉาด เพื่อเพิ่มความสวยงามได้มากขึ้น นอกจากนี้หลักการ การใช้พื้นหลังนั้นจะช่วยให้ลูกค้าสะดุดตาถ้าเราคุมโทนพื้นหลังทำให้สินค้าเด่น และชัดเจน ดูสวยงาม น่าสนใจเข้ามากดดู หรืออาจจะขอภาพเพิ่มเติม ดึงดูดการตัดสินค้าในสินค้าของเราได้ดีเยี่ยม